ให้เราช่วยค้นหา
คำค้นหาที่แนะนำ
คำค้นหาล่าสุด
Banner News and Blog | Peace & Living

รวมเช็กลิสต์คู่บ้าน ต้อนรับหน้าฝน ตกหนักแค่ไหนก็สบายใจหายห่วง

บทความ
7 ส.ค. 68
|
ใช้เวลาอ่าน 3 นาที

รวมเช็กลิสต์คู่บ้าน ต้อนรับหน้าฝน ตกหนักแค่ไหนก็สบายใจหายห่วง

ฝนมาแล้ว อีกหนึ่งฤดูทดสอบใจคนมีบ้าน เพราะฝนตกไม่ใช่แค่เรื่องของสภาพอากาศ แต่ยังเป็นบททดสอบความพร้อมของบ้านด้วยนะ PEACE and Living เลยรวมเช็กลิสต์คู่บ้านต้อนรับหน้าฝน ตกหนักแค่ไหนก็สบายใจหายห่วงมาให้ทุกคน เช็กครบ ทำครบ ฝนตกหนักแค่ไหน ก็สบายใจได้ เพราะบ้านที่ปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจได้ทุกสถานการณ์

รวมเช็กลิสต์ คู่บ้านต้อนรับหน้าฝน  ตกหนักแค่ไหนก็สบายใจหายห่วง

 

รวมเช็กลิสต์คู่บ้าน ต้อนรับหน้าฝน ตกหนักแค่ไหนก็สบายใจหายห่วง

เมื่อฤดูฝนมาเยือน หลายคนอาจรู้สึกสดชื่นกับสายฝนที่โปรยปราย แต่สำหรับเจ้าของบ้านแล้ว นี่คืออีกหนึ่ง “ฤดูทดสอบใจ” ที่บ้านทุกหลังต้องเผชิญ เพราะฝนตกไม่ใช่แค่เรื่องของสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวทดสอบความพร้อมของบ้านทั้งในเรื่องของโครงสร้าง ระบบระบายน้ำ ความชื้นสะสม แม้กระทั่งความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย

PEACE & Living  เราในฐานะผู้พัฒนาโครงการบ้านที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย จึงอยากชวนทุกคนมาเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือกับฤดูฝนด้วยเช็กลิสต์ง่ายๆ ที่จะทำให้อยู่บ้านได้อย่างสบายใจในฤดูฝน

 

เช็กลิสต์ดูแลบ้านต้อนรับหน้าฝน

หลังคาและรางน้ำฝน

หน้าฝน คือ บททดสอบสำคัญของบ้าน โดยเฉพาะหลังคาบ้าน รอยรั่วแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ทันทีเมื่อฝนตกหนัก

  • รอยแตก รอยร้าว ของกระเบื้อง ซึ่งมักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่จะเริ่มเห็นเป็นคราบน้ำ หยดน้ำเล็กๆ หรือรอยน้ำซึมบนเพดาน
  • รางน้ำฝน ที่เต็มไปด้วยใบไม้ ฝุ่น และเศษขยะ อาจทำให้น้ำไหลย้อนเข้าระบบโครงสร้างหรือท่วมระเบียงได้

Tip: ควรทำความสะอาดรางน้ำเป็นประจำ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ป้องกันการอุดตัน รวมไปจนถึงน้ำหนักจากการสะสมของกิ่งไม้ ใบไม้ ที่อาจทำให้เกิดการชำรุดของรางน้ำได้
 

รางน้ำและท่อระบายน้ำรอบบ้าน

ท่อระบายน้ำ จุดลืมยอดนิยม อาจเป็นเพราะทำหน้าที่ระบายน้ำได้ดีมาตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วก่อนเข้าฤดูฝนนั้น ควรตรวจสอบความพร้อมและกำจัดสิ่งอุดตันต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังขึ้นมาได้และในจุดนี้เองหากดูแลไม่ดีแล้วเกิดน้ำขังอาจเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุของยุงลายได้อีกด้วย หน้าฝนที่ป่วยไข้ คงไม่มีใครอยากเจอ (หากไม่ทำความสะอาดอย่างเป็นประจำ ก็เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้อีกด้วยนะ) 

 

ระบบไฟฟ้า และปลั๊กที่อยู่ใกล้หน้าต่าง หรือพื้นบ้าน

ไฟฟ้าและน้ำ คือ ของที่ควรมีทุกบ้าน แต่ไม่ควรอยู่ด้วยกัน ไม่อยากคิดเลยว่าจะแย่แค่ไหน หากปลั๊กไฟมีน้ำไหลออกมา หรือก็อกน้ำสามารถวัดได้ด้วยไขควงลองไฟ ดังนั้นแล้วเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าอยู่เสมอ โดยเฉพาะในจุดที่ใช้บ่อย เช่น ปลั๊กไฟในห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หากจะให้ดีควรเปลี่ยนเป็นแบบที่มีฝาปิด ฝาครอบ ยิ่งส่วนที่อยู่ใกล้กับประตู หน้าต่าง ซิงค์น้ำ และทางน้ำไหล ในส่วนของสายไฟทั้งงานระบบและจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรหมั่นตรวจสอบฉนวนหรือปลอกหุ้มสายไฟให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย (หากประตูหรือหน้าต่างทำจากไม้ควรตรวจสอบเรื่องความชื้นด้วยนะ หากมีความชื้นสะสมมากพอก็อาจทำให้นำไฟฟ้าได้ด้วยนะ)

 

ารตรวจสอบก่อนเข้าหน้าฝนนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หรือถ้าหากอยากเริ่มต้นด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้างช่าง ควรเริ่มจากการดูรู ร่อง รอยรั่วของประตูซอกระหว่างหน้าต่างกับวงกบ (การใช้ซีลหรือซิลิโคนปิดช่องที่อาจทำให้น้ำซึมเข้าบ้านได้ โดยเฉพาะบริเวณขอบหน้าต่าง และประตู) หรือหากรู้สึกถึงลมพัดมาจากในจุดที่ไม่ควรมี สิ่งเหล่านี้อาจพอช่วยค้นหาได้ในเบื้องต้น แต่ทางที่่ดีตรวจเช็กกับบริษัทตรวจสอบบ้านและทีมช่างชำนาญการอีกครั้ง เพื่อความสบายใจแบบ 100%

ช่องลมและรอยต่อของประตู หน้าต่าง

คงไม่มีใครอยากพบว่าในจุดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ นั้นมีน้ำนอง ละอองน้ำ หรือรอยความชื้น ทุกครั้งที่ฝนตกแน่ๆ ไหนจะต้องหาจุด อุดรอยรั่ว หรือสิ่งของมารองน้ำรอซ่อมในขณะที่ฝนตกอยู่หรอก ดังนั้นแล้วการตรวจสอบก่อนเข้าหน้าฝนนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หรือถ้าหากอยากเริ่มต้นด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้างช่าง ควรเริ่มจากการดูรู ร่อง รอยรั่วของประตูซอกระหว่างหน้าต่างกับวงกบ (การใช้ซีแลนซ์ปิดช่องที่อาจทำให้น้ำซึมเข้าบ้านได้ โดยเฉพาะบริเวณขอบหน้าต่าง และประตู) หรือหากรู้สึกถึงลมพัดมาจากในจุดที่ไม่ควรมี สิ่งเหล่านี้อาจพอช่วยค้นหาได้ในเบื้องต้น แต่ทางที่่ดีตรวจเช็กกับบริษัทตรวจสอบบ้านและทีมช่างชำนาญการอีกครั้ง เพื่อความสบายใจแบบ 100%

 

ารตรวจสอบก่อนเข้าหน้าฝนนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หรือถ้าหากอยากเริ่มต้นด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้างช่าง ควรเริ่มจากการดูรู ร่อง รอยรั่วของประตูซอกระหว่างหน้าต่างกับวงกบ (การใช้ซีลหรือซิลิโคนปิดช่องที่อาจทำให้น้ำซึมเข้าบ้านได้ โดยเฉพาะบริเวณขอบหน้าต่าง และประตู) หรือหากรู้สึกถึงลมพัดมาจากในจุดที่ไม่ควรมี สิ่งเหล่านี้อาจพอช่วยค้นหาได้ในเบื้องต้น แต่ทางที่่ดีตรวจเช็กกับบริษัทตรวจสอบบ้านและทีมช่างชำนาญการอีกครั้ง เพื่อความสบายใจแบบ 100%

ระบบกันซึมของผนังและพื้นบ้าน

จุดใหญ่ที่ใครหลายคนมองข้าม "ผนังบ้าน" ด้วยความไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับการรั่วซึม หลาย ๆ ครอบครัวอาจไม่ได้เลือกใช้สีกันน้ำ กันซึม หรือจะเป็นการติดวอลเปเปอร์บนฝาผนัง เพื่อความสวยงาม เพื่อช่วยเรื่องการทำความสะอาดให้ง่ายขึ้น อย่างในห้องครัว ห้องน้ำ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองมักทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราใต้วอลเปเปอร์ รอยน้ำ ผนังร่อน ผนังพอง ซึ่งล้วนแล้วเกิดจากความชื้นทั้งนั้น เพื่อความสบายใจที่มากกว่านอกจากจะเลือกสีที่สามารถกันน้ำ กันซึม ตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนเข้าฤดูฝนก็ควรตรวจสอบสภาพความพร้อม รอยแตก ซีแลนซ์ การรั่วซึมแต่ละจุดอีกครั้ง และซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนฟ้าจะหอบฝนส่งตรงถึงหน้าบ้าน

 

ต้นไม้และพืชพันธ์ุรอบบ้าน

พืชพันธ์ุและต้นไม้ใหญ่น้อยรอบบ้าน อีกหนึ่งอย่างยอดนิยมที่ลืมกันไป แต่แนะนำเลยว่าห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านใบ ความชื้นในฤดูฝนนั้นมากพอที่จะทำให้กิ่งไม้ใหญ่นั้นนุ่ม อ่อน เปาะบางพอที่จะงอหรือหัก หากหักแต่คาต้นก็ต้องหาคนมาตัด หักตกลงมายังพื้นสนามก็ต้องมาเก็บกวาด หรือแย่ไม่กว่านั้นหักใส่หน้าต่างหลังคาก็เรื่องใหญ่เลย ถ้าต้องซ่อม ต้องสร้าง ในหน้าฝนที่ไม่รู้ว่าฝนตะตกวันไหนบ้าง

วัชพืชในรั้วบ้านเองเมื่อได้ฝนก็โตไว รกเร็ว ศูนย์รวมสัตว์น้อยใหญ่ ทั้ง แมลง กบ จิ้งจก ตุ๊กแก อาหารโปรดของงูหลากชนิดที่หิวโซ ดังนั้นแล้วนี่จึงเป็นจุดใหญ่ที่ควรดูแล จัดแต่ง ให้เรียบร้อยก่อนเข้าฤดูฝนนั่นเอง

 

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการดูแลบ้านหน้าฝน


แม้ว่าบ้านจะดูใหม่ และโครงสร้างภายนอกจะดูแข็งแรง แต่หากวัสดุก่อสร้าง ระบบกันซึม หรือการติดตั้งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น รางน้ำ หลังคา หน้าต่าง ไม่ได้ถูกวางแผนมาอย่างดี หรือไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง ก็อาจเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมได้ง่ายในฤดูฝน โดยเฉพาะในจุดที่เป็น “จุดเสี่ยง” เช่น ขอบหน้าต่าง รอยต่อของผนัง และพื้น หรือรอยต่อของวัสดุต่างชนิดกัน

สิ่งสำคัญคือบ้านไม่ใช่สิ่งที่ปล่อยทิ้งไว้แล้วจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์เสมอ การดูแลรักษาและการตรวจสอบเป็นระยะจึงมีความสำคัญมาก และหากคุณซื้อบ้านจากโครงการที่ออกแบบมาให้รับมือกับฤดูฝนโดยเฉพาะ เช่น มีการติดตั้งระบบกันซึมตั้งแต่ชั้นโครงสร้าง หรือมีรางน้ำที่ระบายน้ำได้เร็วเพียงพอ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

Peace and Living เล็งเห็นถึงความสำคัญตรงนี้ และให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสบายใจไร้กังวลกับปัญหาเหล่านี้เมื่อฤดูฝนมาถึง


กลิ่นอับ และเชื้อราในฤดูฝนเกิดจาก “ความชื้นสะสม” ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในบ้านที่ไม่มีระบบระบายอากาศที่ดี หรือมีจุดที่น้ำซึมเข้าสะสมไว้โดยไม่รู้ตัว เช่น ใต้เฟอร์นิเจอร์ ผนังด้านที่โดนฝนสาด หรือพื้นบ้านที่ไม่มีการปูกันความชื้น

วิธีป้องกันที่ได้รับความนิยม ได้แก่

- เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทเมื่อไม่มีฝนตก
- ใช้เครื่องลดความชื้นในห้องที่มีปัญหา เช่น ห้องเก็บขอ งหรือห้องนอนที่ไม่มีหน้าต่าง
- ใช้สารกันเชื้อรา หรือทาสีที่มีคุณสมบัติกันเชื้อรา
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของความชื้น เช่น รอยรั่วจากหลังคา และแก้ไขทันที

บ้านของ Peace and Living ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับระบายอากาศ และวัสดุปูพื้นหรือผนังที่ทนชื้นได้ดี จึงช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาเชื้อรา และกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ก่อนที่ฝนจะตกหนัก สิ่งสำคัญคือการตรวจเช็ก “หลังคา” ว่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ โดยวิธีที่ง่ายและได้รับความนิยม ได้แก่

- มองหารอยแตกร้าว หรือคราบน้ำบนเพดานใต้หลังคา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการรั่วซึม
- ตรวจสอบกระเบื้องหลังคาว่ามีชิ้นใดเคลื่อน หลุด หรือแตกบ้าง
- ตรวจดูรางน้ำว่ามีเศษใบไม้ หรือขยะอุดตันหรือไม่
- ลองเปิดน้ำฉีดจำลองฝนตกแล้วสังเกตการไหลของน้ำบนหลังคา

หากพบรอยรั่วหรือสิ่งผิดปกติ ควรรีบดำเนินการแก้ไขโดยช่างผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะการปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ความเสียหายลุกลามมากขึ้นในช่วงฝนตกหนัก

Peace and Living ให้ความสำคัญกับวัสดุ และระบบหลังคาที่ใช้ จึงมั่นใจได้ว่าบ้านของเราทนทาน และพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างดีเยี่ยม


ระบบป้องกันน้ำท่วมในบ้านมีหลายระดับ ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ให้ “น้ำไม่ขัง” ไปจนถึงการวางระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ โดยควรมีองค์ประกอบหลัก ดังนี้

- พื้นที่รอบบ้านควรลาดเอียงให้น้ำไหลออก ไม่ขังอยู่ที่ฐานบ้าน
- มีบ่อพัก และท่อระบายน้ำที่กว้างเพียงพอ ไม่อุดตัน
- ติดตั้งระบบกั้นน้ำเข้าบ้านบริเวณประตูทางเข้า เช่น ธรณีสูง หรือรางระบายน้ำก่อนถึงบ้าน
- วางแผนระบบสวน และพื้นที่สีเขียวที่ช่วยซึมน้ำเข้าสู่ดินได้ดี


การเลือกซื้อบ้านในฤดูฝนถือเป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะเราจะได้เห็น “สภาพจริง” ของบ้านในช่วงที่เจอสภาพอากาศที่ท้าทาย หากบ้านยังคงแห้ง สะอาด ไม่มีรอยรั่วหรือกลิ่นอับ แสดงว่าการออกแบบ และก่อสร้างมีมาตรฐานดีจริง

สิ่งที่ควรพิจารณาในช่วงฤดูฝน ได้แก่

- ตรวจสอบสภาพพื้นบ้าน ผนัง หลังคา และระบบระบายน้ำ
- พิจารณาระบบกันซึมของบ้าน
- เดินดูรอบโครงการว่ามีปัญหาน้ำท่วมหรือขังหรือไม่
- สังเกตทิศทางลม ฝน ว่าเข้าตรงช่องเปิดบ้านหรือไม่

 

บ้านน่าอยู่พร้อมรับมือกับฤดูฝนง่าย ๆ ด้วยเช็กลิสต์จาก PEACE and Living

เมื่อฤดูฝนมาถึง บ้านทุกหลังต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลังคารั่ว รางน้ำอุดตัน ท่อระบายไม่ทัน ความชื้นที่สะสมจนก่อเชื้อรา รวมถึงความปลอดภัยจากไฟฟ้า และสัตว์ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นการเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือกับหน้าฝน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของบ้านควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบรอยรั่วซึม ความสมบูรณ์ของระบบกันซึม ผนัง พื้น หน้าต่าง ท่อระบายน้ำ ไปจนถึงต้นไม้รอบบ้าน ซึ่งหากละเลยอาจสร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้ โดยเฉพาะบ้านที่ไม่มีการออกแบบที่ตอบโจทย์ฤดูฝนหรือขาดการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เช็กลิสต์คู่มือบ้านรับหน้าฝน จาก PEACE and Living จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้อุ่นใจในเรื่องบ้าน ใช้ชีวิตในหน้าฝนได้อย่าง "สบายใจ" ไม่ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ตาม

 

เรายินดีให้ลูกค้าเยี่ยมชมโครงการได้ทุกฤดูกาล เพราะมั่นใจในคุณภาพของบ้านทุกหลัง หากคุณกำลังมองหาบ้านที่ให้ความสบายใจได้แม้ในวันฝนตก ลองเยี่ยมชมโครงการของเราได้เลยที่ PEACE & Living

คัดลอกลิงก์แล้ว!